ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory of Cooperative or Collaborative Leaning)


ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ
(Theory of Cooperative or Collaborative Leaning)

ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ (http://www.learners.in.th/blogs/posts/386486) แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ3 – 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะzzแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้ 

ทิศนา แขมมณี (2553) ได้รวบรวมทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือไว้ดังนีh Johnson and Johnson (1994) กล่าวไว้ว่า ปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนมี 3 ลักษณะคือ
        1. ลักษณะแข่งขันกัน ในการศึกษาเรียนรู้ ผู้เรียนแต่ละคนจะพยายามเรียนให้ได้ดีกว่าคนอื่น zzเพื่อให้ได้คะแนนดี ได้รับการยกย่องหรือได้รับการตอบแทนในลักษณะต่าง
        2. ลักษณะต่างคนต่างเรียน คือ แต่ละคนต่างก็รับผิดชอบดูแลตนเองให้เกิดการเรียนรู้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่น
        3. ลักษณะร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้ คือ แต่ละคนต่างก็รับผิดชอบในการเรียนรู้ของตน และในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยให้สมาชิกคนอื่นเรียนรู้ด้วย
        การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3 – 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นให้ผู้เรียนช่วยกันในการเรียนรู้ โดยมีกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาอาศัยกันในการเรียนรู้ มีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด มีการสัมพันธ์กัน มีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีการวิเคราะห์กระบวนการของกลุ่ม และมีการ
แบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานร่วมกัน ส่วนการประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินทั้งทางด้านปริมาณ
และคุณภาพ โดยวิธีการที่ หลากหลายและควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน และครูควรจัดให้ผู้เรียนมีเวลาในการวิเคราะห์การทำงานกลุ่มและพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มมีโอกาสที่จะปรับปรุงส่วนบกพร่องของกลุ่มเดียว

บริหารการศึกษา กลุ่มดอนทอง52 (http://dontong52.blogspot.com/) กล่าวว่า ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นการเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อย โดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกัน ช่วยกันเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม นักศึกษาคนสำคัญ ได้แก่ สลาวิน เดวิดจอห์นสัน และรอเจอร์ จอห์สัน
        1. องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
            1) การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน
            2) การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด
            3) ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน
            4) การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย
            5) การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม
        2. ผลของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
            1) มีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายมากขึ้น
            2) มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนดีขึ้น
            3) สุขภาพจิตดีขึ้น
        3. ประเภทของกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ
            1) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างเป็นทางการ
            2) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือย่างไม่เป็นทางการ
            3) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างถาวร

สรุป ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory of Cooperative or Collaborative Learning) คือ การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3 – 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและ
ร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้
        1. องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
            1) การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน
            2) การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด
            3) ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน
            4) การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย
            5) การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม
        2. ผลของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
            1) มีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายมากขึ้น
            2) มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนดีขึ้น
            3) สุขภาพจิตดีขึ้น
        3. ประเภทของกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ
            1) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างเป็นทางการ
            2) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือย่างไม่เป็นทางการ
            3) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างถาวร

อ้างอิง 
ทิศนา แขมมณี. (2553). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 13). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : กรุงเทพฯ. 
บริหารการศึกษา กลุ่มดอนทอง52. http://dontong52.blogspot.com. [ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561. 
ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ.http://www.learners.in.th/blog/natchakan/386486.[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีสอนแบบศึกษาด้วยตนเอง (Self Study Method)

นวัตกรรมและสื่อการเรียนการสอนคณิตศาสตร์

เทคนิคการสอน